กระทรวงสาธารณสุขของไทยเปิดเผยว่า ในปี 2020 มีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ทั่วโลกกว่า 600,000 ราย ในประเทศไทย มีผู้หญิงประมาณ 5,000 คนติดเชื้อมะเร็งปากมดลูกทุกปี และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เฉลี่ยวันละ 6 คน มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ในผู้หญิงไทย สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ประมาณ 70% ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยถูกวินิจฉัยในระยะกลางถึงระยะสุดลุกลาม (ระยะที่ 3 ขึ้นไป) ทำให้การรักษายากขึ้นและอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น หากคุณกำลังเผชิญกับโรคมะเร็ง โปรดติดต่อเรา >>
การรักษามะเร็งปากมดลูกด้วยการรักษาแบบบาดแผลเล็กมีข้อได้เปรียบหลักคือ บาดแผลเล็ก (ขนาดแผล < 1 ซม.), ฟื้นตัวเร็ว (ระยะเวลานอนโรงพยาบาลลดลง 50%), ภาวะแทรกซ้อนน้อย (ความเสี่ยงลดลง 18%) และ อัตราการรอดชีวิตสูงกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยมีความแม่นยำและความสวยงามที่ดีเยี่ยม ตามระยะของมะเร็งและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทีมงาน MDT ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลจะออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
| ตัวชี้วัด | การรักษาแบบดั้งเดิม | การรักษาแบบบาดแผลเล็ก | ข้อดีของการรักษาแบบบาดแผลเล็ก |
|---|---|---|---|
| ระดับความรุนแรงของบาดแผล | ต้องมีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ (เช่น การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง) มีความเสียหายของเนื้อเยื่อมาก | มีขนาดบาดแผลเล็กผ่านทางโพรงธรรมชาติของร่างกาย(เช่น การสอดกล้องทางช่องท้องหรือมดลูก) ทำให้เนื้อเยื่อเสียหายน้อย | ชช่วยลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ |
| ระยะเวลาการฟื้นฟู | การฟื้นตัวหลังผ่าตัดช้า (มักใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน) และมีภาวะแทรกซ้อนมาก | ระยะเวลานอนโรงพยาบาลสั้นลง (โดยเฉลี่ยลดลง 30%-50%) และฟื้นตัวหลังผ่าตัดได้เร็ว (ภายในไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์) | ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น และลดภาระการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ |
| เป้าหมาย | เหมาะสำหรับผู้ป่วยระยะเริ่มต้น หรือกรณีที่ต้องการกำจัดรอยโรคอย่างสมบูรณ์ (เช่น การผ่าตัดมดลูกออกทั้งหมด) | เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถทนต่อการผ่าตัดใหญ่ได้ หรือผู้ป่วยที่มีตำแหน่งของเนื้องอกพิเศษ รวมถึงผู้ที่มีการแพร่กระจายของโรค | ขยายขอบเขตของการรักษา โดยเฉพาะโอกาสควบคุมโรคเฉพาะที่อย่างแม่นยำสำหรับผู้ป่วยระยะกลางถึงระยะลุกลาม |
| ผลการรักษา | การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอย่างเด็ดขาดสามารถกำจัดรอยโรคได้ทั้งหมด แต่มีข้อจำกัดในการรักษารอยโรคที่แพร่กระจาย | การรักษาเฉพาะจุดที่แม่นยำ (เช่น การจี้ทำลายเนื้องอก หรือการอุดกั้นเส้นเลือด) สามารถช่วยย่อขนาดรอยโรคที่แพร่กระจาย และเมื่อใช้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิต | แนวทางการรักษาแบบผสมผสาน (เช่น เคมีบำบัดชักนำ + รังสีรักษา) ตามแนวทาง NCCN ปี 2025 ระบุว่าอัตราการรอดชีวิต 5 ปีสูงถึง 80% |
| ความเสี่ยงของภาวะทรากซ้อน | มีควมาเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ，ลำไส้อุดตัน ，และรูรั่วของทางเดินปัสสาวะ | อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด (เช่น การติดเชื้อหรือการเสียเลือด)ลดลง | ลดควมาต้องการการดูแลระยะยาวหลังผ่าตัด และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย |
| ผลกระทบด้านความสวยและจิตใจ | แผลเป็นที่ท้องชัดเจน อาจส่งผลต่อจิตใจผู้ป่วย | แทบไม่มีแผลเป็นที่มองเห็นได้ (เช่น การผ่าตัดผ่านกล้องทางช่องคลอด) | ช่วยลดภาระทางจิตใจหลังการผ่าตัดของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่ยังเยาว์ |
| ความพึ่งพิงทางเทคโนโลยี | ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การผ่าตัดของศัลยแพทย์ และเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญ | ใช้เทคโนโลยีการนำทางภาพขั้นสูง (เช่น การนำทางการเจาะด้วย CT) และทีมงานแทรกแซงระดับสูง | จำเป็นต้องเลือกศูนย์มะเร็งที่มีความเชี่ยวชาญ แต่ให้ความแม่นยำสูงกว่า และสามารถลดข้อผิดพลาดจากการดำเนินการของมนุษย์ |
การจี้เย็น การรักษาด้วยควมาเย็นจัดและความร้อนจัด การใช้ความเย็นจัดถึงอุณหภูมิต่ำสุดในการแช่แข็งเนื้องอกจนกลายเป็นลูกน้ำแข็ง ทำให้เซลล์เนื้องอกตายจากการแข็งตัว แล้วจึงทำการให้ความร้อนสูงเพื่อให้เนื้องอกนั้นละลายและระเบิดออก
การรักษาคีโมเฉพาะจุด ยาจะเดินทางผ่านหลอดเลือดไปยังตำแหน่งของเนื้องอกโดยตรง ซึ่งยาจะสามารถออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์เนื้องอก ทำให้การออกฤทธิ์เร็วและตรงจุดมากขึ้น และมีผลกระทบต่อร่างกายน้อยลง
การรักษาเฉพาะจุดผสมผสานการแพทย์แผนจีนและการแพทย์แผนตะวันตก การผสมผสานการแพทย์แผนจีนกับการรักษาแบบบาดแผลเล็กแบบเฉพาะจุดช่วยเสริมข้อดีของทั้งสองวิธี สามารถปรับปรุงผลลัพธ์การรักษาและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำหรือการแพร่กระจายของโรค การฝั่งแร่ การฝั่งแร่วางในช่องทางที่อาจจะไปถึงเนื้องอกหรือเนื้อเยื่อที่แพร่กระจาย อนุภาคที่ฝังอยู่จะปล่อยรังสี Y ต่อเนื่องภายในเนื้องอกเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังเซลล์มะเร็งอย่างแม่นยำ
