line
swt
ภูมิคุ้มกันบําบัด

ชนิดของการรักษา:  เช่น มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลําไส้ตรง มะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งที่มีก้อนแข็ง

ข้อดีทางเทคนิค:  ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษามะเร็งได้หลายประเภท ประสิทธิภาพยาวนาน และมีผลข้างเคียงตํ่า


1.การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในปัจจุบัน: 63% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิตเนื่องจากวิธีการรักษาผิดๆ


โรคมะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ตามสถิติทางการแพทย์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะเพิ่มขึ้นทุกๆ 4 วินาทีทั่วโลก ในทุกๆปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากถึง 8.2 ล้านคน คาดว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจะเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี 2573


อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งไม่ได้หมายถึงการเสียชีวิต ตามสถิติแล้ว ผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียชีวิตจากการรักษาผิดวิธีถึงประมาณ 63% แม้ว่าการผ่าตัด การฉายรังสี และการให้เคมีบำบัดจะเป็นการรักษาเซลล์มะเร็งก็จริงแต่จะมีผลกระทบต่อเซลล์ปกติในร่างกายด้วย


2. สาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง (หมายเหตุ: ข้อมูลเรียบเรียงจากบทความแปลเกี่ยวกับเนื้องอก)


การบำบัดที่ผิดวิธี การรักษาทางการแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญ  ความล่าช้าในการเข้ารักษา การละทิ้งการรักษาเนื่องจากมีเงินรักษาไม่เพียงพอ


3. เหตุใดจึงต้องใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันรักษามะเร็ง?


การรักษามะเร็งแบบดั้งเดิม (การผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด) เป็นเพียงการกำจัดเซลล์มะเร็งที่มองเห็นเท่านั้น แต่ไม่ได้รักษาที่สาเหตุการกลายพันธุ์เป็นมะเร็ง นอกจากนี้วิธีการรักษาแบบดั้งเดิม ไม่เพียงแค่ฆ่าเซลล์มะเร็งเท่านั้น


แต่ยังสร้างความเสียหายต่อร่างกายผู้ป่วยอีกด้วย  การรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพคือ การฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ให้สามารถกำจัดหรือควบคุมเซลล์มะเร็งในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ในปี 2011 ศาสตราจารย์ราล์ฟ สไตน์แมนร่วมกับนักวิทยาศาสตร์สาขาภูมิคุ้มกันอีกสองท่านได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์สำหรับการค้นพบเซลล์เดนไดรต์ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษาโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีผู้ป่วยมะเร็งหลายหมื่นคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหวังมากขึ้นหลังจากได้รับการภูมิคุ้มกันบำบัด


4. มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร?


ร่างกายมนุษย์ผลิตเซลล์มะเร็งได้ 6,000-10,000 เซลล์ทุกวัน เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถกลืนกินเซลล์เหล่านี้ได้และทำให้ร่างกายแข็งแรง ในกรณีที่ภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถ


กําจัดเซลล์มะเร็ง เซลล์มะเร็งจะรวมตัวกันโจมตีเซลล์ในร่างกาย และกลายเป็นโรคมะเร็งในที่สุด 


5. การเกิดมะเร็งแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้


(1)ระบบภูมิคุ้มกันสามารถตรวจพบและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้สามารถทำลายเซลล์ที่กำลังจะกลายเป็นมะเร็งได้;


(2)ระบบภูมิคุ้มกันสามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้บางส่วน แต่เซลล์มะเร็งอื่นๆที่ไม่ถูกตรวจจับเล็ดรอดไปได้ เซลล์ทั้งสองประเภทนี้จะสร้างความสมดุลให้กับระบบภูมิคุ้มกัน


(3)เซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่หลบหนีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมะเร็ง เมื่อถึงจุดนี้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้


6. เซลล์ภูมิคุ้มกันรักษามะเร็งได้อย่างไร


ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นการรักษาจากต้นตอ โดยการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และหยุดยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง


เซลล์ภูมิคุ้มกันจะทำลายเนื้อเยื่อของเนื้องอกอย่างรวดเร็วและตรงจุด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอก เปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยการขัดขวางสารอาหาร ลดการทำงานของเซลล์มะเร็ง ชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งจนตายลงในที่สุด


7.ข้อดีของการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันมีอะไรบ้าง?


(1)เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะของระบบภูมิคุ้มกัน การภูมิคุ้มกันบำบัดมีศักยภาพในการต่อสู้กับเนื้องอกมากกว่าการรักษาแบบทั่วไป สามารถปกป้องร่างกายในระยะยาวได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีผลข้างเคียงที่ชัดเจน


(2)การทำลายมะเร็งอย่างเป็นระบบ


(3)ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแยกแยะเซลล์มะเร็งได้


(4)วิธีนี้เหมาะกับมะเร็งหลายชนิด


8.การบำบัดด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกัน VS การรักษาแบบดั้งเดิม


การรักษา

ผลข้างเคียง

ช่วงระยะเวลารักษา

การรักษาแบบดั้งเดิม

  1. ใช้ยาหรือเข้ารับการฉายแสง

  2.  ทำลายเซลล์เนื้องอก แต่ในขณะเดียวกันยังทำลายเซลล์ปกติไปพร้อมกันด้วย

ส่งผลต่อเซลล์ปกติ ภูมิคุ้มกันลดลงและผลข้างเคียงอื่นๆ อีกมากมาย

รักษาต่อเนื่อง

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

  1. การบำบัดทางชีวภาพที่ใช้รักษาโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ใช้ระบบภูมิคุ้มกันผู้ป่วยหรือเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ผ่านกันตัดต่อมาต้านทานกับโรค

  2. เสริมหรือปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สามารถตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งหรือเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ผลข้างเคียงน้อย

ทำเมื่อเริ่มต้นการรักษา หรือสิ้นสุดการรักษา


9. การภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถรักษา


(1) เตรียมความพร้อมร่างกายก่อนการผ่าตัด: เพิ่มอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด


สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มแรก การบำบัดด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน หลีกเลี่ยงภาวะภูมิคุ้มกันต่ำลงจากการผ่าตัด และเพิ่มอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด


(2) การรักษาแบบผสมผสาน: การรักษาแบบครอบคลุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา


สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม ภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถใช้ร่วมกับการฉายแสง เคมีบำบัด มีดอาร์กอนฮีเลียม การฝังแร่ การคีโมเฉพาะจุด และวิธีการอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา


(3) หลังการผ่าตัด: กำจัดสิ่งตกค้างและลดการกลับมาเป็นซ้ำ


สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการฉายแสง เคมีบำบัด หรือการภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถฟื้นฟูและเสริมสร้างหน้าที่การทำงานของภูมิคุ้มกัน กำจัดเซลล์มะเร็งที่ตกค้างในร่างกาย ลดการเกิดซ้ำของเนื้องอกและการแพร่กระจาย และเพิ่มอัตราความสำเร็จในการรักษา


(4) ภูมิคุ้มกันบำบัดอย่างเดียว : ป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้


สำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งหรือผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง การภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นประจำสามารถตรวจจับ และฆ่าเซลล์ที่ผิดปกติ กลืนกินไวรัส และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาใหม่จนสามารถป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้


10. โรคที่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้


มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งโพรงจมูก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และเนื้องอกชนิดแข็งอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการรักษาข้างต้นในการรักษา ยืดอายุการใช้ชีวิต การยกระดับคุณภาพชีวิต และยับยั้งการลุกลามของเนื้องอก


»ต่อไป:
นายพลชาวไทยนายพลชาวไทย กลับมาเป็นมะเร็งปอดซ้ำหลังผ่าตัด ได้รับชีวิตใหม่จากการคีโมเฉพาะจุด มะเร็งปอด
ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา
ไทยอยู่ได้นานกว่า 1 ปี
แผนการรักษา: การคีโมเฉพาะจุด + การฝังแร่ + ภูมิคุ้มกันบำบัด
ประวัติย่อ: ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา จากประเทศไทย ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดในปี พ.ศ. 2564 หลังจากการผ่าตัดที่โรงพยาบาลในท้องที่ ก็กลับมาเป็นซ้ำและเกิดการแพร่กระจาย เนื่องจากอายุมากแล้วและเป็นโรคความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถทนการรักษาแบบทั่วไปได้ เขาจึงมาโรงพยาบาลของเราในเดือนมีนาคม 2566 เพื่อค้นหาวิธีการรักษาแบบใหม่ หลังจากรักษาด้วยวิธีบา

ดูเพิ่มเติม >

การรักษามะเร็งปอด ผมเลือกโรงพยาบาลที่เชื่อถือได้และทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ มะเร็งปอด
คุณอมร
ประเทศไทยอยู่ได้นานกว่า 4 ปี
แผนการรักษา: เทคนิคคีโมเฉพาะจุด+คลื่นไมโครเวฟบริเวณหลอดลม+การฝังแร่+ภูมิคุ้มกันบำบัด
ประวัติย่อ: คุณอมร อายุ 77 ปี จากประเทศไทย เดือนมีนาคม ปี 2562 ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 3 ไม่ได้เข้ารับการรักษาใดๆ วันที่ 29 เดือนมีนาคม มาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่สแตมฟอร์ดกว่างโจว เข้ารับการรักษาด้วยวิธีบาดแผลเล็ก ผลการรักษาพบว่าก้อนเนื้อบริเวณปอดข้างซ้ายมีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน ต่อมน้ำเหลืองที่โตบริเวณช่องอกสลายไป สุขภาพร่างกายอยู่ในสถานะที่สมบ

ดูเพิ่มเติม >

จากลูกมะพร้าวสู่ไข่---การรักษาแบบบาดแผลเล็กช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งลำคอชาวไทยหายใจได้คล่องมากขึ้น มะเร็งคอ
คุณประสิทธิ์
ประเทศไทยอยู่ได้นานกว่า 9 ปี
แผนการรักษา: เทคนิคแบบเฉพาะจุด + เทคนิคการใช้ความเย็น
ประวัติย่อ: ก่อนเข้ารับการรักษาหลังจากเข้ารับการรักษาไปหนึ่งครั้งปี 2017 4เมษายน เป็นครั้งแรกที่ได้ทานอาหารไทยในประเทศจีน คุณประสิทธิ์มีความสุขมาก ดูเหมือนว่าเขาจะกินปลาไปเกือบทั้งตัว “อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่ดีที่สุดมื้อหนึ่งเท่าที่ผมเคยกินมาในรอบ 4 ปี!” เขาได้กล่าวออกมาอย่างพึงพอใจหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เนื่องจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่บริเวณคอ ทำให

ดูเพิ่มเติม >

หลังจากที่กลับมาเป็นมะเร็งเต้านม Triple Negative เทคนิคการรักษาแบบบาดแผลเล็กช่วยขจัดหมอกควันแห่งความสิ้นหวังของฉันได้! มะเร็งเต้านม
อลิซาเบธ
เนเธอแลนด์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี
แผนการรักษา: การคีโมเฉพาะจุด+การภูมิคุ้มกันบำบัด
ประวัติย่อ: โรงพยาบาลในเนเธอร์แลนด์กล่าวว่าเอลิซาเบธไม่สามารถรักษามะเร็งเต้านมแบบ Triple Negative ที่กลับมาเป็นซ้ำและแพร่กระจายได้ หลังจากการรักษาแบบบาดแผลเล็กบูรณาการที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด พบว่าก้อนเนื้อได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ สุขภาพของเธอดีขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติแล้ว

ดูเพิ่มเติม >

การคีโมเฉพาะจุดแบบบาดแผลเล็กหนึ่งเข็มกำจัดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรวมถึงการแพร่กระจายทั่วร่างกาย มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
นินิค
อินโดนีเซียอยู่ได้นานกว่า 1 ปี
แผนการรักษา: การคีโมเฉพาะจุด
ประวัติย่อ: Ninik Supartini จากยอกยาการ์ตา อินโดนีเซีย ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดชนิดไม่ใช่ฮอดจ์กิน (ชนิดบีเซลล์) มีการแพร่กระจายหลายจุดทั่วร่างกายในปี 2023 เธอมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และเคยรับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร หลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวสแตมฟอร์ด ปัจจุบันเนื้องอกดูเหมือนเกือบจะหายไปแล้ว คุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก

ดูเพิ่มเติม >

แบบฟอร์มการนัดหมาย
กรุณากรอกข้อมูลของคุณแล้วเราจะติดต่อคุณโดยเร็วที่สุด
ติดต่อทันที