ผู้ป่วยเเนื้องอกเต้านมขนาดใหญ่ 29 ซม. ก้อนเนื้อแตกเป็นแผล ทีมแพทย์ช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้สำเร็จ

สวัสดีทุกคน ผมเป็นพี่ชายต่างสายเลือดของ Any วันนี้ผมรู้สึกทั้งเศร้าและขอบคุณในเวลาเดียวกัน วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งของน้องสาวผมให้ทุกคนฟัง อาการของน้องสาวผมค่อนข้างซับซ้อนมาก เนื้องอกก็เป็นชนิดที่หายาก และการรักษาก็มีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก นับเป็นความท้าทายอย่างมากกับทางทีมแพทย์ และจากการเผชิญกับวิกฤตในชีวิตครั้งนี้ ทำให้พวกเราได้เห็นและเข้าใจพลังของการแพทย์สมัยใหม่ และความงามของน้ำใจมนุษย์

ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน: การวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมในช่วงตั้งครรภ์

เดือนกุมภาพันธ์ 2024 ในช่วงอายุครรภ์ 7 เดือน หญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งจากเมืองมากัสซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ตรวจเจอก้อนผิดปกติที่เต้านมด้านซ้าย ต่อมาถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม การวินิจฉัยนี้สร้างความตกใจอย่างยิ่งให้แก่ครอบครัวผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยมีท่าทีที่แน่นอน โดยยืนยันว่าจะ “ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ก่อน” ทำให้แผนการรักษาโรคมะเร็งต้องชะลอออกไป จนกว่าจะถึงเวลาที่สามารถดูแลรักษาทั้งแม่และเด็กอย่างปลอดภัย

ก้อนมะเร็งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว: อาการทรุดลงอย่างเฉียบพลัน

เด็กคลอดอย่างปลอดภัยในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่อีกด้านหนึ่ง ต้นทุนในการรักษาชีวิตกลับสูงเกินคาด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์มีผลกระตุ้นทำให้ก้อนมะเร็งขยายจากขนาด 3 ซม. เป็น 15 ซม. ภายใน 3 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน มีการผ่าตัดเต้านมด้านซ้ายออกทั้งหมด ที่ประเทศอินโดนีเซีย และผลทางพยาธิวิทยาเปิดเผยความจริงว่าขนาดจริงของก้อนมะเร็งอยู่ที่ 28 ซม. และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นชนิดที่ร้ายแรง แม้แต่ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดยังยอมรับว่าเป็นเคสที่หายาก และไม่เคยพบมาก่อนในชีวิตการทำงาน นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวเริ่มคิดได้ว่า การต่อสู้กับโรคนี้รุนแรงและซับซ้อนกว่าที่คิดไว้

หลังผ่าตัด แพทย์เสนอให้รับการฉายรังสีเพื่อควบคุมมะเร็ง แต่เนื่องจากตอนนั้นเธอกำลังให้นมลูก และกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉายแสง จึงตัดสินใจเลื่อนการรักษาออกไป แล้วหันมาใช้สมุนไพรจีนแทน ต่อมาการรักษาที่ผ่านมากลับเสี่ยงที่ทำให้โรคกลับมาเร็วขึ้น จนถึงเดือนกันยายน ก้อนเนื้อบริเวณแผลผ่าตัดกลับมาเป็นซ้ำและลุกลามอย่างรวดเร็ว ตอนดึก เธอนอนพลิกไปมา มองดูแผลผ่าตัดที่เริ่มเน่าและมีของเหลวซึมออกตลอดเวลา ตาเธอสิ้นหวังต่อโรคและชีวิตของตัวเอง แต่ในฐานะคนในครอบครัว ผมรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เธอต้องเจอ และยิ่งรู้สึกหมดหนทางเมื่ออยู่ในสภาพที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์

 สภาพของลูกพี่ลูกน้องก่อนเริ่มการรักษา

เมื่อจุดเปลี่ยนกลายเป็นโอกาส: : งานแบ่งปันประสบการณ์ต่อสู้กับมะเร็ง”

จุดเปลี่ยนเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2024 จากงานแบ่งปันประสบการณ์ต่อสู้กับมะเร็งที่เมืองมากัสซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย

เมื่อคุณ หยาง ซู่อิง (Yo Siu King) ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ที่มีการแพร่กระจายไปยังปอด ขึ้นเวทีด้วยสีหน้าที่ไร้กังวล และเล่าถึงประสบการณ์ได้รับชีวิตใหม่ที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว ทุกคำพูดของเธอเหมือนแสงสว่างที่ส่องทะลุความมืดในใจเรา ภาพถ่ายผลตรวจติดตามอาการที่เธอแสดงให้ดู ทำให้เห็นว่ารอยโรคมะเร็งที่รุนแรงได้หายไป “การหายดี” ของเธอไม่เพียงเป็นเครื่องยืนยันความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวจากโรคที่เหมือนไม่มีทางรักษา แต่ยังจุดประกายความหวังในใจพวกเรา และผลักดันให้เราตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อหาทางรักษาเช่นเดียวกัน

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2024 – คุณหยาง ซู่อิง ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมร่วมแบ่งปันประสบการณ์

ฉันได้พูดคุยปรึกษากับผู้อำนวยการอู๋ เว่ยผ่านวิดีโอคอล

 ข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อรักษา: เนื้องอกใหญ่และซับซ้อนเกินคาด

วันที่ 6 มกราคม 2025 ขณะที่เรามาถึงโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว เนื้องอกบริเวณหน้าอกของลูกพี่ลูกน้องได้ขยายใหญ่ถึง 29 เซนติเมตร แผลที่เน่าเปื่อยมีของเหลวปนเลือดซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง และร่างกายของเธออ่อนแออย่างมากจากภาวะขาดสารอาหาร ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การมาเยี่ยมของผู้จัดการศูนย์บริการนานาชาติเมืองมากัสซาร์ เปรียบเสมือนน้ำใจในยามยาก ไม่เพียงนำของขวัญที่เตรียมมาฃ แต่ยังพูดปลอบและให้กำลังใจอย่างไม่ขาด จนทำให้เราทุกคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

เมื่อเข้ารับการรักษา เนื้องอกของผู้ป่วยมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 29 เซนติเมตร และมีแผลแตก/เนื้อลุกลาม

ภาพ CT ก่อนการรักษาของลูกพี่ลูกน้อง

ผู้จัดการศูนย์บริการนานาชาติมากัสซาร์มาเยี่ยมเรา และถ่ายภาพร่วมกับผู้อำนวยการอู๋ เว่ย

การประชุมวินิจฉัยโรคเชิงลึก: ทีมสหสาขาวิชาชีพร่วมมืออย่างเข้มงวด เพื่อดูแลและรักษาชีวิตอย่างเต็มที่

ทีม MDT ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาการของลูกพี่ลูกน้อง และได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอาการ ศาสตราจารย์ไต้ เวิ่นหยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม ระบุในที่ประชุมว่า “ผู้ป่วยเป็นมะเร็งใบไม้ชนิดร้ายแรงในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก เนื้องอกมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเปิดและการติดเชื้อในบริเวณนั้น”

หลังจากคลอดลูก เธอได้รับการผ่าตัดตัดเต้านมทั้งหมดทิ้ง และควรได้รับการฉายแสงอย่างทันที แต่อยู่ในช่วงให้นมลูก จึงไม่ได้รับการรักษาแบบฉายแสงในทันที ทำให้เนื้องอกกลับมาเป็นซ้ำและขยายอย่างรวดเร็วถึง 29 เซนติเมตร พร้อมกับอาการทรุดลง ในด้านการรักษา จำเป็นต้องทำการตัดก้อนเนื้องอกออกอย่างสมบูรณ์ (R0) แต่เธอเพิ่งคลอดและขนาดเนื้องอกใหญ่เกินไป ทำให้แผนการรักษามีข้อจำกัดมาก

ศาสตราจารย์ไต้เน้นว่า “ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หญิงสาวจำนวนมากยังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เนื่องจากข้อจำกัดทางการแพทย์ ส่งผลให้หลายคนมักเลือกวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมหรือแพทย์แผนจีน ซึ่งทำให้พลาดโอกาสในการรักษาที่เหมาะสม ปัจจุบันมีวิธีการรักษามะเร็งเต้านมที่หลากหลาย และการรักษาแต่ต้น สามารถเพิ่มโอกาสหายขาดได้มาก”

เมื่อเนื้องอกมีขนาดใหญ่ ทำให้แผลแตกและมีน้ำซึมออกมา แพทย์ผู้รับผิดชอบและพยาบาลดูแลลูกพี่ลูกน้องอย่างระวัง ตรวจอาการทุกวันและเปลี่ยนผ้าปิดแผลด้วยตนเอง หลังจากการประชุมวินิจฉัยร่วมของแพทย์ (MDT) หลายครั้งเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแผนการรักษา ได้แก่ การทำหัตถการทางรังสีร่วมสมัยการผ่าตัดตัดก้อนเนื้องอกแบบกำจัดให้หมดสิ้น (R0), การใช้เทคนิคปิดแผลแบบแรงดันลบหลังผ่าตัด (VSD) และแผนการฟื้นฟูเต้านมในขั้นตอนถัดไป

จากการรักษาด้วยหัตถการสู่การผ่าตัด: การรักษาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง

เดือนมกราคม 2025 ลูกพี่ลูกน้องของผมได้รับการทำหัตถการทางรังสีครั้งแรก โดยวัตถุประสงค์คือเพื่อลดขนาดของเนื้องอก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดและการรักษาแบบฟื้นฟูเต้านมในขั้นตอนต่อไป เดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผมและลูกพี่ลูกน้องได้เดินทางไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อติดตามและรับการรักษาขั้นต่อไป

 ภาพ CT หลังเข้ารับการรักษาครั้งที่สองของผู้ป่วย (ลูกพี่ลูกน้อง)

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 ลูกพี่ลูกน้องของผมเข้ารับการผ่าตัดอย่างเป็นทางการ ดำเนินการโดยผู้อำนวยการฝ่ายศัลยกรรมมะเร็ง หม่า เทิง พร้อมด้วยทีม MDT ที่ร่วมมืออย่างใกล้ชิด ซึ่งการผ่าตัดใช้เวลาหลายชั่วโมง

หลังการผ่าตัด ผู้อำนวยการเทิงกล่าวว่า: “ในระหว่างการผ่าตัด เราตัดเนื้องอกขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักถึง 3.5 กิโลกรัมออกอย่างแม่นยำ โดยรักษาขอบชิ้นเนื้อให้กว้างกว่า 1 เซนติเมตร พร้อมตัดกล้ามเนื้อหน้าอกใหญ่และหน้าอกเล็กที่ลุกลามออกไปด้วย รวมทั้งเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อทางพยาธิวิทยามากกว่า 20 ชิ้น เพื่อยืนยันว่าขอบชิ้นเนื้อไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ (ผลก้อนเนื้อเป็นลบ)”

หลังผ่าตัด แพทย์ได้ใช้เทคนิคการระบายแผลด้วยแรงดันลบ (VSD) ซึ่งลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและลดระยะในการหายของแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้อำนวยการเทิงยังให้กำลังใจว่าไม่ต้องกังวลมาก เมื่อแผลฟื้นตัวแล้ว จะดำเนินการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (ผิวหนัง) เพื่อซ่อมแซมlj;oของผนังอก และทำการสร้างเต้านมใหม่ วิธีนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกพี่ลูกน้อง พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจทางจิตใจ ทำให้การฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจเป็นไปอย่างครบถ้วน

 ลูกพี่ลูกน้องหลังผ่าตัดมีอาการดีขึ้น

 ผู้อำนวยการเทิง ฝ่ายศัลยกรรมมะเร็ง

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 ผมเฝ้าไข้ลูกพี่ลูกน้องในห้องผู้ป่วยหนัก

แผนการรักษาแบบรวมเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคนิคผ่าตัดแบบบาดแผลเล็ก เพื่อฟื้นฟูร่างกาย หวังให้ผู้ป่วยกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง!

เสียงเครื่องตรวจในห้อง ICU ในตอนนี้ดังก้องเหมือนบทเพลงแห่งชีวิต เมื่อผู้อำนวยการ อู๋ เว่ย ชี้ให้ดูค่า albumin ที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวพร้อมรอยยิ้มของผู้ป่วย เมื่อผู้เชี่ยวชาญฟื้นฟูสุขภาพแนะนำการฝึกหายใจในระยะแรก และล่ามอธิบายวิธีใช้ยาเป็นภาษาชวา (ภาษาพื้นเมืองของประเทศอินโดนีเซีย) ที่คล่องแคล่ว ทำให้ฉันเข้าใจความหมายจริง ๆ ของ “การดูแลรักษาแบบองค์รวม” คำพูดของหัวหน้าพยาบาลที่ว่า “ผู้ป่วยที่ยังคงเดินถือเนื้องอกขนาด 29 เซนติเมตรทุกวัน สิ่งนั้นคือปาฏิหาริย์ของชีวิตที่แท้จริง” เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดของการต่อสู้ครั้งนี้

ในฐานะพยานของช่วงเวลานี้ ผมเข้าใจดีว่า “29 เซนติเมตร” ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางการแพทย์เท่านั้น แต่คือสัญลักษณ์แห่งความงดงามของมนุษยธรรม จากอินโดนีเซียสู่กวางโจว การต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตตัวเองโดยการข้ามน้ำข้ามทะเลครั้งนี้ ยืนยันให้เห็นว่าแพทย์สมัยใหม่สามารถเปลี่ยนความเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริงได้ ขออุทิศบทความนี้แด่ทุกคนที่ยังคงยึดมั่นในความหวังท่ามกลางความมืดว่า ขอบเขตของการแพทย์จะขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด และปาฏิหาริย์ของชีวิตจะไม่จบลง